วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รักเราทำไมอ่ะ

ผมไม่เคยอยากปล่อยเธอไป แต่สุดท้าย เธอก็หนีพ้นรอดไปจากชีวิตผมจนได้ ทุกคนรอบข้างผมมักเตือนผมอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่งเธอก็ต้องหายไป แต่ที่แท้จริง พวกเขาเอง ก็อยากเก็บเธอเป็นของตัวเองเช่นเดียวกับผม มันผ่านมาแล้วเกือบเดือน และผมหวังว่าผมจะได้พบเจอเธออีกมาตลอด และหวังว่าครั้งนี้ เธอจะไม่ทำให้ผมเสียใจอีก ตราบใดที่เธออยู่รอบข้างผม ผมรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถเติมชีวิตผมให้เต็มได้ แต่ความเป็นจริง เธอก็เปรียบเสมือนความรักที่ลอกลวงชีวิตผมมาตลอด

ครั้งแรกที่ผมพบเธอ ผมเพิ่งได้เริ่มทำงานครบหนึ่งเดือนที่ทำงานผม เธอก็ดูเหมือนคนทั่วๆไป ไม่แตกต่างหรือโดดเด่นไปกว่าเจ๊ที่ขายก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยผม ตั้งแต่วันแรกที่เราสบตากัน เราสองคนได้รู้จักกันทันที และเราสองคนก็สนิทสนมกันมาก จากวันนั้นมา เธอตามผมไปทุกที่ เช่น ร้านอาหาร ตลาดนัด และบางครั้งก็ที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่ผมไม่เคยปฏิเสธเธอ และผมก็ต้อนรับเธอทุกครั้งที่ได้พบกัน ผ่านไปสองถึงสามเดือน ผมค่อยๆเริ่มเข้าใจว่า ผมยิ่งเจอเธอติดๆกันเมื่อไหร่ เธอจะค่อยๆหายไปเป็นพักยาวหลังจากช่วงนั้น แต่ตอนนั้น ผมก็ไม่ค่อยได้คิดอะไร เพราะตอนนั้น เธอก็เป็นแค่เพื่อนที่ผมรู้จัก ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น

พอผมกับเธอได้รู้จักกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตลอดเวลาที่ผมทำงาน ผมได้นึกถึงเธอตลอด เธอเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่มาก และเธอเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมก้าวหน้าไปกับทั้งชีวิตและการงาน เพราะทุกวันหลังผมกลับบ้าน ผมบอกตัวเองอยู่เสมอว่า คนอย่างเธอคงเหมาะสมกับผู้ชายที่ขยัน ช่วงนั้นของชีวิตผม ผมขาดการติดต่อจากเพื่อน พ่อแม่ และญาติๆทั้งหลาย ผมรู้สึกว่าผมหลงเธอมาก และผมอยากให้เวลากับเธอให้มากที่สุด หลังจากที่เราได้รู้จักกันครบหนึ่งปี ผมได้เลื่อนตำแหน่ง ทุกอย่างมันดีขึ้น วันนั้นเป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ ผมพาเธอไปดูเสื้อผ้า เธอเลือกไปหลายชุดและหลายสี เช่น สีเขียว สีฟ้า สีแดง สีม่วง และสีเทา หลังจากที่เราได้ไปเที่ยวกัน เธอก็เริ่มหายไปเป็นพักยาวๆ และผมก็กวิตกกัลวนมาก ทั้งเดือนนั้น ผมได้เจอเธออยู่ไม่กี่ครั้ง และแต่ละครั้งที่เราได้พบเจอกัน ผมจะเป็นฝ่ายไปหาเธอ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังรักเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม

ความสัมพันธ์ของเธอกับผม ก็เป็นตามนั้นเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ผมเจอเธอไม่กี่ครั้ง เธอก็หายไปเป็นช่วงๆ การงานผมก็ไม่ได้พัฒนาสักเท่าไหร่ จนหัวหน้าตัดสินใจย้ายผมไปอยู่ชั้งล่าง ที่ๆผมได้ทำงานครั้งแรก แต่อย่างไรก็ตาม ใจผมก็ไม่ได้อยู่กับงาน ผมมัวแต่นึกถึงเธอ หวังว่าผมจะได้เจอเธอบ่อยขึ้น เพราะ ณ เวลานั้น เธอยังเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้ผมยิ้มได้อยู่คนเดียว จากที่ได้เจอกันบ่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าผมได้เสียเธอไปแล้ว ผมพาเธอไปไหนที่ไรก็มีคนทำท่าจับตามองเธอ และเธอก็ใช้สายตาเธอบอกคนอื่นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา เป็นสายตาเดียวกับที่เธอใช้กับผม ช่วงนั้นชีวิตผมได้ล่มจม เพื่อนๆ พ่อแม่ และ ญาติๆ ได้โทรมาหาผม พยายามปลอบใจ และอธิบายให้ผมฟังว่าเธอไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ถ้าจะเอาเธอคนนี้มาเปรียบเถียบกับคนรอบข้างทุกคน เธอไร้ค่ามากที่สุด เพราะเธอไม่สามารถทำให้ผมมีความสุขอย่างแท้จริงได้ ไม่เหมือนกับคนที่รักเราด้วยจิตใจ เพราะสุดท้าย เธอก็เต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่ได้มีความจริงใจ

สุดท้ายชายคนนี้ได้เข้าใจว่าเธอคนนี้ ไม่ได้มีค่าอย่างที่เขาคิด หรืออย่างที่คนทั่วๆไปคิด ผมหวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้ของเขาจะตักเตือนให้ทุกคนได้จดจำไว้ว่า บางอย่างในชีวิตเรามันเต็มไปด้วยความสวยงามที่เต็มไปด้วยความหลอกลวง และคนเราควรดูดีๆ ว่าอะไรกันแน่ที่มีความหมายกับชีวิตของเรา ความรักและความอบอุ่นมันเกิดจากความรักและความอบอุ่นจากคนที่เรารักและคนที่รักเรา ความเป็นจริงแล้ว เธอคนนี้คือเงินทอง คนเราชอบมองว่าเงินเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด แต่เงินที่คนเรามีไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง เพราะบางอย่างในโลกนี้ ไม่ได้มีป้ายราคาให้เราซื้อได้ เช่น เวลา หรือความรักที่แท้จริง คนเราควรใช้เวลากับคนที่เรารักและสิ่งที่เรารักให้มากที่สุด เพราะต่างจากเงินทอง เวลามันมีขีดจำกัด 

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โลกผมหรือคุณ...หรือเครื่องซักผ้า

วันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน พ.. ๒๕๕๔ น้ำท่วมที่จังหวัดอยุธยา ชาวบ้านกว่าสองแสนคนถูกอพยพไปจังหวัดอื่นๆรอบๆ และประสบความเดือดร้อนอย่างมาก ส่วนชาวบ้านที่ติดอยู่ ขาดน้ำขาดไฟ ณ บัดนี้ ลพบุรี และ พิจิตน้ำขึ้นสูง และต้องอพยพคนรวมทั้งหมด 1.2 ล้านคน รัฐบาลจัดงบประมาณไว้หนึ่งมื่นล้านเพื่อชดเชยความเสียหาย ปัญหาที่น้ำท่วมหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆปี เป็นเพราะว่าคนจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถหาเงินด้วยความสามารถของตนเอง พึ่งพาต้นไม้เป็นการหาสตังค์ สำหรับผม ผมอยากหาวิธีกำจัดพวกลักลอบตัดต้นไม้ แทนที่จะไปช่วยปลูกป่า ถ้าทางราชการลงมือจับอย่างจริงจัง ปัญหาจากภัยธรรมชาติคงไม่สาหัสขนาดนี้หรอกครับ

วันศุกร์ที่ ๑๖ กันยายน พ.. ๒๕๕๔ ได้เกิดเหตุระเบิดสามครั้งในจังหวัดนราธิวาส ในเขตเทศบาลสุไหงโกลก แรงระเบิดนั้นส่งผลทำให้ร้านค้าต่างๆพังลงมาและติดเพลิงไหม้ และกระจกรอบๆบริเวณแตกกระจายหมด มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด ๓ ราย บาดเจ็บกว่า ๖๐ และบาดเจ็บสาหัส ๓ ราย เขตสุไหงโกลกนั้นเป็นเขตท่องเที่ยวของคนต่างชาติที่เที่ยวทางใต้ของประเทศเรา การที่ผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ได้ลงมือก่อความวุ่นวาย ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทั่วบริเวณจังหวัดนราธิวาส ในเมื่อผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่จะชึดสามจังหวัดชายแดนของเรา คุณคิดว่ามันผิดไหมที่ประเทศเราจะทำตัวเด็ดขาด และใช้กำลังโต้กลับในการ

วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กันยายน พ..๒๕๕๔ องค์กรบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) ได้ยืนยันดาวเทียมยูเออาร์เอสตกสู่โลกแล้ว และมีรายงานหลายกระแสทางทวิตเตอร์ว่า มีผู้พบเห็นเศษชิ้นส่วนซึ่งคาดว่าจะเป็นของดาวเทียมดวงนี้ตกที่เมืองโอโคตอกส์ ทางใต้ของเมืองคัลการี ทางตะวันตกของแคนาดา แต่นาซายังไม่ยืนยันรายงานดังกล่าว ตอนผมกับครอบครัวทราบเข้าก็แตกตื่นกันหมด เพราะมีกระแสว่ามันอาจตกลงที่ใดก็ได้ในโลก แต่สุดท้าย นักวิเคราะห์ของนาซาออกมาบอกว่ามีโอกาศถูกลอตเตอรี่แสนเท่ามากกว่าที่จะมีดาวเทียมตกมาถับตาย หลังจากนั้น ต่างคนต่างออกไปซื้อลอตเตอรี่สะงั้น

วันพุทธที่ ๒๘ กันยายน พ.. ๒๕๕๔ เด็กนักเรียนจาก Sacred Heart School .เขียงใหม่ได้แต่งชุดนาซีเดินขบวนเมื่อตอนเช้า เหตุผลที่แต่งเป็นเพราะสีกิฬาสีของเด็กกลุ่มนี้เป็นสีแดง จึงนำชุดของทหารนาซีมาใส่และยังจะทำท่าเคารพฮิทเลอร์ (Sieg Heil)แต่งกันจนผมงงเลยว่าพวกเขาหาชุดมาได้อย่างไร ภายในไม่กี่ชั่วโมง ข่าวกระจายไปทั่วโลก จนสมาคม สิทธิมนุษยชน ของชาวยิวออกมาฟ้องร้อง มีคนมาออกข่าวว่า การแสดงความเคารพต่อพวกนาซีเป็นการทำร้ายจิตใจของพวกที่ใช้ชีวิตในยุคของฮิตเลอร์ โดยเฉพาะนักโทษทั้งหลายที่ศุนย์เสียทุกอย่างจากสงคราม โดนโลกประจานขนาดนี้ ผมรู้สึกว่านี้คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เราควรปรับปรุงการศึกษาของประเทศเราอย่างรวดเร็ว เพราะมันไม่ได้เพียงกระทบมุมมองของพวกเรา แต่มันทำให้ประเทศอื่นดูถูกพวกเราทั่วโลก

คุณเห็นไหมปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เรากำลังใช้ชีวิตในยุคของเทคโนโลยี ไม่ใช่ยุคของมนุษย์ จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามบนโลกนี้ เราสามารถรับรู้ภายในไม่กี่นาที นี้คือยุคที่ธรรมชาติจะถูกทำลาย แต่จะเป็นอย่างไรก็ตาม ธรรมชาติจะชนะ ธรรมชาติจะแก้แค้น สุดท้ายทุกสิ่งที่มนุษย์หรือธรรมชาติสร้างไว้ก็ต้องตกลงมาอยู่กับดิน ต้นไม้ทุกต้น ดาวเทียมทุกจาน มันมีอายุของมัน ในเมื่อนาฬิกาของชีวิตคนเราไม่สามารถหยุดเดินได้ ทำไมคนเราไม่มุ่งหน้ายื้อเวลาให้มากที่สุด เพื่อที่จะใช้ชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุขก่อนที่มันจะหยุดเดิน ผมขอสรุปค้อคิดนี้ด้วยคำพูดของไอแซก นิวตัน "What goes up must come down.”

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Wine Stu: รักไวน์เท่าคุณ

ถ้าท่านมีใจรักในการดื่มไวน์ ผมยินดีเสนอร้าน "Wine Stu” ร้านนี้มีบรรยากาศที่เข้ากับอารมณ์ของอาหารทุกจาน และที่สำคัญที่สุด มีไวน์คุณภาพดี ร้าน ไวน์สตู จะอยู่ติดกับสนามฟุตบอลหญ้าเทียมและโรงแรมแสนหรู ร้านนี้จึงเป็นจุดที่คนแถวนั้นนิยมมานั่งพักผ่อน ผ่อนคลายกันอย่างมาก เรามาเริ่มที่บรรยสกาศของร้านกันดีกว่าครับ

พอท่านได้เข้ามาในร้าน จะเจอผนังที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยตู้ไวน์แสนอลังการ ด้านบนของอาคารจะมีโคมไฟสไตล์กอธิคๆ(gothic) เหมือนในเรื่องเค้า์แดรกคูลา ส่วนพื้นนั้นเป็นพื้นปูนซีเมนต์ขัดมันผสมสี ซึ่งสร้างความรูสึก ราบรึ่นและ เรียบๆ ตัวร้านมีตีมอ่อนหวาน ซึ่งจะมาจากลวดลายดอกไม้ตรงผนัง แต่ก็มีความเท่ห์จากการฟิวชั่นสีขรึมๆ เช่น สีดำ ถึงแม้ว่าร้านจะรองรับได้เพียง 12-14 คน แต่ทางร้านสามารถจัดให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่นพร้อมกับความโรแมนติกจากเฟอร์นิเจอร์สวยๆที่สบายมาก ขอบอกว่าการออกแบบและการดีไซน์ของร้านสามารถดึงดูดลูกค้าได้ดีมากเลยครับ ส่วนอุณหภูมินั่นจะเย็นฉ่ำมากเพราะทางร้านต้องการรักษาสุขภาพและคุณภาพของไวน์ให้ดีที่สุดสำหรับท่าน

ทีนี้เรามาเริ่มคุยถึงเรื่องไวน์กันดีกว่า คนที่ดื่มไวน์ไม่ค่อยเก่งมาก ทางร้านจะแนะนำสปาร์คลิ่งไวน์ (Sparkling wine) ท่านอาจสงสัยว่าสปาร์คลิ่งไวน์คืออะไร มันก็ตือไวน์ชนิดอัดก๊าซลงไป เพื่อช่วยให้ไวน์ออกรสซ่าๆ และสดชื่น มีอยู่วิธีหนึ่งในการดูคุณภาพของไวน์ที่คนเคยสอนผมมา พอท่านได้รินไวน์ใส่แก้วเสร็จแล้ว ท่านจะเห็นพรายฟองของไวน์ค่อยๆผลุขึ้นมา ถ้าฟองจากไวน์เป็นฟองเล็กๆและพลุในระยะเวลายาวนาน ไวน์ที่ท่านดื่มเป็นไวน์คุณภาพดี ส่วนไวน์ที่พลุเป็นฟอง โตๆและในระยะเวลาสั้นๆ ไวน์นั้นจะเป็นไวน์ราคาถูกจากการอัดก๊าซไม่กี่ปี

สปารคลิ่งไวน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ตือแชมเปญ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยมักจะรู้จักอย่างดีเช่นเดียวกัน แชมเปญนั่นเป็นเครื่องดื่มที่ขายดีมากในร้าน ไวน์สตู เพราะร้านเขามีแชมเปญหลากหลายชนิดที่คนเขานิยมดื่มกัน เช่น “Moet & Chandon” หรือ “Pol Roger” สำหรับความรู้รอบตัว พรายฟองของแชมเปญนั้นไม่ได้มาจากก๊าซอัด แต่มาจากการหมักบ่มของตัวแชมเปญนั่นเอง ส่วนพวกที่มีใจคอสำหรับไวน์นั่น ทางร้านก็จะมีไวน์ที่พวกท่านคงคุ้นเคย เช่น "Romanee conti” หรือ " Chateau Margaux” ไวน์เหล่านี้จะไว้เฉพาะคนที่ดื่มไวน์เป็น เพราะต่างจากสปาร์คลิ่งไวน์ ไวน์แท้จะขมกว่าและมีความเข้มข้นมาก ท่านอาจเสีย appetizer ได้ทันที แต่ไม่ต้องห่วงนะครับถ้าท่านไม่ชอบเครื่องดื่มเหล่านี้ เพราะทางร้านจะมีน้ำผลไม้ด้วย

ตอนนี้เราจะมาพูดถึงอาหารทานเล่นเพื่อการแก้มไวน์ จานแรกที่ผมแนะนำก็คือ"Cheese Platter” (ชีสรวมจานนี้จะมีอยู่สามองค์ประกอบชีส ขนมปังแครกเกอร์ และองุ่นแดง ชีสที่คนฝรั่งเศสนิยมมากที่สุดในการรับประทานกับไวน์คือ บรี(Brie) และ บลูชีส (Blue Cheese) บรีจะมีกลิ่นหอมจากนม และจะคล้ายกับชีสที่ท่านอาจคุ้นเคยเช่น เช็ดด้า สด หรือ มอสซาเรลล่า ซึ่งมีความหอมมันส์มากๆ ส่วนบลูชีสนั่นเป็นชีสที่คลาสสิคที่สุดและมีราคาสูง คนไทยมักจะคิดว่าชีสนี้บูดเพราะกลิ่มมันแรงมาก ชีสชนิดนี้จะมีจุดเขียวๆ ซึ่งเป็นเชื้อรา แต่ท่านไม่ต้องห่วงเพราะเชื้อร่านี้กินได้และเป็นยาที่เรียกว่า (Penicillin) ส่วนแครกเกอร์และองุ่นแดงนั้น จะทำให้ชีสออกรสหวานซึ่งจะทำให้ไวน์มีรสชาติกลมกล่อม

จานที่สองคือพาร์ม่าแฮมกับแคนตาลูป ซึ่งเป็นจานที่คนยุโรปจะคุ้นเคยเป็นอย่างมากและถือว่าเป็นจานที่ประเทศเขาได้อนุรักษ์และสืบทอดมาหลายร้อยปี ท่านอาจคุ้นเคยกับการรับประทานพาร์ม่าแฮมกับพิซซ่าหรือแซนวิช แต่การที่จะมารับประทานคู่กับแคนตาลูปจะช่วยให้กลิ่นไวน์ในปากหอมไปจากหัวจรดเท้า เมื่อได้ใส่ปากพร้อมๆกัน มันจะออกรสเข็มๆอมหวานพร้อมรสเปรี้ยวๆจากแตงกวาดองที่ร้านจะจัดมาให้ ขอบอกว่าถ้าไปยุโรปแล้วไม่รู้จักจานนี้ เขาจะนอนหัวเราะกันบ้าบอคอแตกกันทีเดียวเลยครับ ต้องมารองไม่อย่างนั้นไม่รู้คุณสมบัติของมัน

สรุปแล้วผมอยากเชิญให้ท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะคนที่รักการดื่มไวน์มารอง “Wine Stu” กันนะครับ บรรยากาศดี อาจหนาวแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น อาหารสมราคา และส่วนไวน์ก็เชิญเปิดตามใจรสนิยมของท่านครับ ร้านจะอยู่บน ถนนพัฒนาการ ใกล้สำนักงานเขตสวนหลวง ในโครงการ Patio พัฒนาการ เปิด 11.00-24.00 และเบอร์โทรร้าน: 086-793-9219

ติดตามร้านอาหารต่อไปสัปดาห์หน้าครับ